ถ้าไม่มีสมณะโพธิรักษ์วันนั้น ก็ไม่มีพรรคสัมมาธิปไตยวันนี้

คำว่า “การเมืองโลกุตระ” ที่พรรคสัมมาธิปไตยพยายามสื่อสารออกไปสู่สังคมนั้น มีที่มาจากพ่อครูสมณะโพธิรักษ์ ผู้เป็นทั้งผู้นำทางจิตวิญญาณและผู้พาทำของชาวอโศกหรือชาวกองทัพธรรมนี่แหละ ท่านได้นำพาชาวอโศกปฏิบัติสู่การเมืองแบบนี้มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ท่านได้พูดและเขียนไว้เกี่ยวกับการเมืองบุญนิยมหรือการเมืองโลกุตระมากมายหลายวาระ รวมถึงเหตุการณ์เมื่อปีที่แล้ว หลังจากที่พรรคสัมมาธิปไตยได้รับการอนุมัติจัดตั้งเป็นพรรคการเมืองอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว พ่อครูฯ ได้นำบัตรประจำตัวประชาชนมาลงนามสมัครเป็นสมาชิกพรรคฯ ด้วยตนเองเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังได้ปรารภในเวลาต่อมาด้วยว่า

“การเมืองของเราที่จะค่อยๆ ทำไป เป็นการเมืองที่ไม่ใช่ไปล่าอำนาจ ไม่ใช่ไปแย่งชิงตำแหน่ง หน้าที่ ลาภยศอะไร แต่เป็นการเมืองที่จะรับใช้ประชาชน ทำงานเพื่อประชาชนอย่างเป็น “โลกุตรธรรม” จริงๆ ซึ่งมันถึงคราวที่ชาวอโศกน่าจะพยายามก่อตัวขึ้นมา ในขณะที่อาตมายังอยู่ ยังพอเป็นที่ปรึกษาได้บ้าง อาตมาไม่ปิดบังหรอก อาตมาทำแบบพระพุทธเจ้า คือ แบบไม่มีตัวตน ไม่มีกิเลสที่มาบำเรอตน หรือแม้แต่บำเรอพรรคพวกของตน เป็นการเสียสละร้อยเปอร์เซ็นต์ รับใช้ประชาชนร้อยเปอร์เซ็นต์ และอาตมากล้าพูดได้ว่า ซื่อสัตย์ร้อยเปอร์เซ็นต์ด้วย”

เป็นเรื่องไม่ธรรมดาสามัญที่พ่อครูฯ ยืนยันว่าพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมานี้เป็นพรรคที่เสียสละร้อยเปอร์เซ็นต์ รับใช้ประชาชนร้อยเปอร์เซ็นต์ และซื่อสัตย์ร้อยเปอร์เซ็นต์ อันเป็นคำประกาศที่ชัดเจน หนักแน่น และมั่นใจ ซึ่งไม่มีพรรคการเมืองใดในประเทศหรือแม้แต่ในโลกที่จะมีใครกล้ามาประกาศยืนยันเช่นนี้ได้
.
“ไม่มีตัวตน เสียสละ ซื่อสัตย์ รับใช้ประชาชน” หลักปฏิบัตินี้จึงเป็นที่มาของแนวทางในการทำงานการเมืองของชาวอโศกมาตั้งแต่ต้น เป็นทิศทางที่พ่อครูสมณะโพธิรักษ์พาชาวอโศกทำมากว่า 50 ปี จนถึงวันนี้ที่ท่านเพิ่งละสังขารจากโลกไปเมื่อวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา แต่ผลงานทั้งความคิดและการลงมือทำของท่าน ที่ได้นำพาชาวอโศกสร้างแบบอย่างของชุมชนอันยอดเยี่ยมที่เรียกว่า “สาธารณโภคี” ขึ้นมาจนเป็นผลสำเร็จแล้ว รวมทั้งการก่อตั้งพรรคสัมมาธิปไตยขึ้นมาด้วย จากนี้ไปการดำเนินงานของชาวอโศกและพรรคสัมมาธิปไตย ก็จะยังคงดำเนินไปตามทิศทางและหลักปฏิบัติเช่นนี้สืบไป

ดังนั้น สำหรับชาวกองทัพธรรม หรือชาวอโศกที่ได้ดำเนินวิถีชีวิตของตนมาตามแนวทางดังกล่าวอยู่แล้ว มีพฤติกรรมในการใช้ชีวิตกินอยู่หลับนอนและทำการงานร่วมกันอยู่ในหลักปฏิบัติที่ชัดเจนอยู่แล้ว จึงมิได้รู้สึกแปลกประหลาดใจอันใดกับการเกิดขึ้นของพรรคสัมมาธิปไตย อีกทั้งผู้นำและคณะทำงานของพรรคฯ ทั้งหมดก็ล้วนเป็นผู้ที่เชื่อมั่นศรัทธาในการทำงานกับสังคมตามทิศทางที่พ่อครูพาทำอยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องที่เกินเลยหากจะกล่าวว่า “ถ้าไม่มีสมณะโพธิรักษ์วันนั้น ก็ไม่มีพรรคสัมมาธิปไตยวันนี้” เพราะพ่อครูสมณะโพธิรักษ์เป็นทั้งผู้สร้างพื้นฐาน เตรียมความพร้อม ผู้ร่วมคิดก่อการ ก่อหวอด ผู้สนับสนุนให้กำลังใจ ตลอดจนเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ให้แก่พรรคสัมมาธิปไตยมาโดยตลอด และถึงแม้ว่าท่านจะละสังขารจากโลกนี้ไปแล้ว แนวทางที่ท่านได้ให้ไว้ก็จะยังคงอยู่ และได้รับการยึดถือเป็นแนวปฏิบัติในการดำเนินการของพรรคฯ ต่อเนื่องไปอีกยาวนาน นับเป็นคุณความดีอันยิ่งใหญ่อีกประการหนึ่งในหลายประการ ที่พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ได้สร้างสรรไว้ให้แก่สังคมประเทศชาติและมวลมนุษยชาติโดยทั่วกัน

จางคลาย
19 เมษายน 2567

เรื่องที่เกี่ยวข้อง