5 มีนาคม 2567 สะพานชมัยมรุเชฐ (ข้างทำเนียบรัฐบาล) ในระหว่างการปราศรัยกึ่งบรรยายธรรม ช่วง “ธรรมะแท้เท่านั้นที่แก้ปัญหาได้จริง” ดร. ใจเพชร กล้าจน หรือหมอเขียว ในฐานะหัวหน้าพรรคสัมมาธิปไตย ได้ประกาศบนเวทีต่อผู้ชุมนุม “Save กระบวนการยุติธรรม” ของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) เกี่ยวกับท่าทีของพรรคต่อการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่า

“สำหรับพรรคสัมมาธิปไตย ถ้าพี่น้องมีคนที่ดีกว่า (ให้) ไปเลือกคนดีกว่าก่อนเลย ขอให้เลือกเราไว้เป็นลำดับสุดท้าย ถ้าไม่มีตัวเลือกแล้วค่อยมาเลือกพรรคสัมมาธิปไตย” เราขอเป็นตัวเลือกลำดับสุดท้าย

ด้วยเจตนารมณ์อันชัดเจนและบริสุทธิ์ใจของหัวหน้าพรรคที่ได้เปิดเผยกับสาธารณชนมาโดยตลอดตั้งแต่เปิดตัวพรรคว่าไม่อยากได้ตำแหน่งหรืออำนาจทางการเมืองแต่อย่างใด จะมีตำแหน่งหรือไม่มีตำแหน่งก็สามารถทำงานช่วยเหลือประชาชนได้ทั้งนั้น และถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ก็ไม่อยากลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วย นี่คือความจริงใจที่อาจดูเหมือนไร้เดียงสา แต่ควรค่าต่อการพิสูจน์สำหรับสังคมการเมืองไทยว่าพรรคการเมืองที่ซื่อสัตย์ บริสุทธิ์ และตั้งใจมาเสียสละอย่างแท้จริงจะสามารถเป็นที่พึ่งให้แก่พี่น้องประชาชนได้หรือไม่

นอกจากนี้ อาจารย์หมอเขียวยังได้เปิดเผยที่มาของการมารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคด้วยว่า ที่ต้องมาทำหน้าที่นี้เพราะจำนนต่อสถานการณ์ โดยพ่อครู สมณะโพธิรักษ์ ได้บอกกับหมอเขียวในช่วงหารือก่อตั้งพรรคว่า “เอาคุณนั่นแหละเป็นหัวหน้าพรรค” ในฐานะลูกศิษย์ที่ได้เรียนรู้และเข้าใจธรรมะจากพ่อครูจนพ้นทุกข์พ้นชั่วมาได้ จึงต้องยอมรับงานเพื่อแสดงความกตัญญูต่อครูบาอาจารย์ ทั้ง ๆ ที่ไม่อยากได้ตำแหน่งอะไรทางนี้เลย

อาจารย์หมอเขียวยังได้เปิดใจให้ฟังต่ออีกว่า นอกจากเหตุปัจจัยจากพ่อครูแล้ว ยังเห็นแก่ความเดือดร้อนของประชาชนในบ้านเมืองด้วย คิดว่าจำเป็นต้องเข้ามาช่วยตรงนี้ และรู้อยู่ในใจว่าประชาชนที่เดือดร้อนกันอยู่นี้ล้วนเป็นผู้ที่เคยเกื้อกูลกันมาทั้งนั้น ทั้งในชาตินี้หรือชาติก่อน ๆ ที่ผ่านมา แล้วจะไม่ช่วยเหลือกันได้อย่างไร

ในโลกยุคปัจจุบันนี้มีแดนแห่งการเสียสละอย่างแท้จริงไม่มากนัก เราจึงต้องการให้กลุ่มกองทัพธรรมหรือพรรคสัมมาธิปไตยนี้เป็นแดนแห่งการเสียสละด้วยความซื่อสัตย์และบริสุทธิ์จริง ๆ แม้ว่าจะเป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ ในสังคมไทย แต่ก็หวังว่าจะเป็นที่พึ่งของประชาชนที่เดือดร้อนและสามารถไว้วางใจได้อย่างสนิทใจ เราจะพากเพียรในการทำหน้าที่ตามปณิธานที่ตั้งไว้อย่างเต็มกำลังความสามารถเท่าที่มี และทำอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ด้วยจิตใจที่ผาสุกผ่องใส เพราะเราเชื่อว่า เมื่อได้ตั้งใจทำดีอย่างเต็มที่แล้ว ก็สุขใจได้แล้ว ไม่มีอะไรคาใจ และไม่หวังว่าจะเอาอะไรจากใครทั้งสิ้น

จางคลาย
6 มีนาคม 2567

เรื่องที่เกี่ยวข้อง