ถึงแม้ว่าพรรคสัมมาธิปไตยจะเป็นพรรคการเมืองเล็ก ๆ ที่เพิ่งก่อตั้งได้เพียง 9 เดือนเศษ แต่อาจารย์หมอเขียว (หัวหน้าพรรค) และคณะทำงาน ก็ทุ่มเททำงานกันอย่างเต็มที่ เดินสายจัดค่ายสุขภาพฯ ตามภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง แทบไม่ได้หยุดหย่อน ทั้งนี้เพราะงานค่ายสุขภาพฯ นี่แหละคืองานหลักของพรรคสัมมาธิปไตย เป็นงานถ่ายทอดความรู้เพื่อการพึ่งตนในสิ่งที่เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะด้านสุขภาพและอาหาร รวมถึงการทำกสิกรรมไร้สารพิษแบบประหยัดเรียบง่ายด้วย เป็นการจัดอบรมให้ความรู้แก่พี่น้องประชาชนที่ศรัทธาและยินดีมาเรียนรู้กับเรา
นอกจากนี้ งานค่ายสุขภาพฯ ยังเป็นงาน “เชิงลึก” ที่จะมีผลต่อจิตวิญญาณของพี่น้องประชาชนที่มาเข้าค่ายด้วย เพราะพี่น้องจะได้ฝึกฝนการลดละเลิกสิ่งที่เป็นโทษเป็นภัยต่าง ๆ ในชีวิต และสัมผัสถึงการบำเพ็ญตนเป็นนักเสียสละทำงานฟรีของเหล่าจิตอาสาที่มารวมพลังช่วยกันในค่ายด้วยจิตใจที่ “ให้…แล้วคิดที่จะไม่เอาอะไรจากใคร…ให้ได้” (หมอเขียว บททบทวนธรรมข้อ 61) การได้สัมผัสและมีประสบการณ์ร่วมกับจิตอาสาที่มาเสียสละด้วยใจที่บริสุทธิ์นี้แหละ ที่จะช่วยหล่อหลอมจิตวิญญาณของพี่น้องประชาชนที่มาเข้าค่ายให้เป็นผู้มีน้ำใจช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นได้มากขึ้นด้วย
ด้วยเหตุนี้ พรรคสัมมาธิปไตยจึงเห็นความสำคัญของการจัดค่ายสุขภาพฯ ตามแนวทางที่ได้ทำมาเป็นอย่างมาก มันคืองานการเมืองที่อาจารย์หมอเขียวและเหล่าจิตอาสาแพทย์วิถีธรรมได้ทำมาตั้งแต่ก่อนตั้งพรรคการเมืองเสียอีก แต่สังคมการเมืองไทยก็ยังไม่เข้าใจว่านี่คืองานการเมือง
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาอย่างเป็นทางการแล้ว กลุ่มจิตอาสาแพทย์วิถีธรรมของอาจารย์หมอเขียว รวมทั้งชาวอโศกภายใต้การนำของพ่อครู สมณะโพธิรักษ์ ซึ่งได้ทำงานการเมืองเชิงลึกอย่างนี้มาก่อนแล้วหลายสิบปี จะสานพลังร่วมกันทำงานตามแนวทางนี้ต่อไป เพราะเรามองเห็นทั้งศักยภาพและสมรรถนะของเราในงานนี้อย่างชัดเจน ไม่มีใครเหมาะกับงานแบบนี้เท่ากับเราอีกแล้ว แม้ในบ้านเมืองจะมีงานอื่น ๆ อีกมากมายที่เป็นสาธารณประโยชน์ แต่เราก็เลือกที่จะทำงานที่เราถนัดที่สุด เหมาะกับเรามากที่สุด เป็นประโยชน์สุขแก่ประชาชนอย่างแท้จริงที่สุดก่อน ดังนั้น เมื่อมีโอกาสที่จะได้ทำงานแบบนี้ เราก็ไม่ยอมงอมืองอเท้าของเราอย่างแน่นอน
ในขณะเดียวกัน งานการเมืองอื่น ๆ เช่น การพิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎหมายบ้านเมือง การตรวจสอบการบริหารงบประมาณแผ่นดินของรัฐบาล การเสริมสร้างสาธารณูปโภคต่าง ๆ เป็นต้น ยังเป็นงานที่ใหญ่เกินกำลังของพรรคเล็ก ๆ ที่เกิดใหม่อย่างเรา ดังนั้น ณ เวลานี้ ยังไม่ใช่เวลาที่พรรคสัมมาธิปไตยจะมีบทบาทในงานการเมืองตามกระแสหลักเหล่านั้นได้ เราจึงไม่อ้าขาผวาปีกเข้าไปทำเรื่องเหล่านั้น
กล่าวโดยสรุป พรรคสัมมาธิปไตยเป็นพรรคการเมืองที่เน้นทำงาน “การเมืองโลกุตระ” เป็นหลัก ทำกับพี่น้องประชาชนที่ศรัทธาเราโดยตรง และพยายามรวบรวมพี่น้องที่มีอุดมการณ์เดียวกัน เข้ามาร่วมผนึกกำลังช่วยกันสร้างกลุ่มการเมืองที่มีพลัง อำนาจ ความรู้ ความสามารถในการพึ่งตนเองในสิ่งที่เป็นประโยชน์ และมีน้ำใจช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นอย่างแท้จริง ดังนั้น พรรคสัมมาธิปไตยจึงไม่งอมืองอเท้าในสิ่งดี ๆ ที่เราทำได้ แต่เราก็ไม่อ้าขาผวาปีกในเรื่องที่เกินความสามารถของเราด้วยเช่นกัน
จางคลาย
1 มกราคม 2567