สังคมเสื่อมทรามเพราะคนดีนิ่งดูดายต่อสิ่งเลวร้าย

“โลกไม่ได้ถูกทำลายโดยพวกที่ทำสิ่งเลวร้าย แต่ถูกทำลายโดยพวกที่นิ่งดูดายและไม่ยอมทำอะไรเลยต่างหาก” (The world will not be destroyed by those who do evil, but by those who watch them without doing anything.) คนเลวที่ร้ายกาจเพียงไม่กี่คนไม่อาจทำลายล้างสังคมให้พินาศย่อยยับไปได้หรอก ตราบใดที่ยังมีคนดียอมเสียสละตัวเองมารวมพลังร่วมกันต่อต้านความเลวร้ายและส่งเสริมความดีที่แท้จริงให้คงอยู่ต่อไป

ไอน์สไตน์

ถึงแม้ว่าในสังคมการเมืองไทยปัจจุบันผู้คนจำนวนมากจะพากันเลิกเชื่อใน “ความดี” หรือ “คนดี” ไปเสียแล้ว อาจเป็นเพราะพวกเขาเคยถูกนักการเมืองเลวหลอกลวงให้หลงเชื่อมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง จนเข็ดขยาดกับพวกที่มักอ้างว่าเป็นคนดีอาสามาทำงานให้ประชาชน มาตรฐานทางศีลธรรมที่ผู้คนจะคาดหวังต่อนักการเมืองจึงต่ำเตี้ยลง ถึงขนาดที่ว่ายอมให้โกงได้แต่ต้องแบ่งผลประโยชน์ให้ชาวบ้านที่ลงคะแนนให้ด้วย

พรรคสัมมาธิปไตยเป็นพรรคการเมืองโลกุตระ มีศรัทธาใน “ความดีและคนดีที่แท้จริง” เชื่อมั่นในหลักศีลธรรมอย่างมั่นคง มีปณิธานที่จะกอบกู้บ้านเมืองให้อยู่รอดปลอดภัยและอยู่เย็นเป็นสุข ประชาชนมีอาหารการกินที่ปลอดภัยไร้สารพิษ มีสุขภาพพลานามัยแข็งแรงดี มีเศรษฐกิจที่พอเพียงและมั่นคง มีพลังงานสะอาดที่พึ่งตนเองได้มาก มีปัญญาที่จะพัฒนาตนเองให้เจริญขึ้นในความดีที่แท้จริง และมีศักยภาพในการช่วยสร้างคนดีในสังคมให้เพิ่มมากขึ้นด้วย กล่าวโดยสรุปก็คือ เราเชื่อในความดีและคนดีที่แท้จริง อันหมายถึง คนที่มีความสามารถในการพึ่งตนเองได้ในสิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิต และมีน้ำใจแบ่งปันสิ่งที่เป็นประโยชน์สุขให้แก่ผู้อื่นในสังคมด้วย

ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่มีวิกฤติศรัทธาต่อ “คนดี” ซ้ำเติมด้วยเหตุการณ์ที่นายทักษิณ ชินวัตร นักโทษเทวดาชั้น 14 ที่ได้รับการพักโทษกลับไปอยู่บ้านจันทร์ส่องหล้า ด้วยกระบวนการที่บิดเบือนและสร้างอภิสิทธิ์ชนอย่างโจ่งแจ้ง โดยไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำแม้แต่วันเดียว ได้ก่อให้เกิดความสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศ และความหวั่นไหวในจิตใจของประชาชนคนดีที่ห่วงใยบ้านเมือง เป็นสัญญาณอันตรายที่ความเลวอย่างร้ายกาจกำลังจ่อจะเข้าทำลายประเทศชาติอีกครั้งหนึ่ง จึงเป็นเหตุให้ “กองทัพธรรม” ต้องออกมาทำหน้าที่ต่อต้านความเลวร้ายที่เกิดขึ้น และสนับสนุนความดีด้วยการเข้าร่วมชุมนุม “Save กระบวนการยุติธรรม” กับเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) และศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ข้างทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นมา

การต่อสู้ด้วยการชุมนุมครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการประท้วงคัดค้านกระบวนการฉ้อฉลต่อความยุติธรรมของประเทศแล้ว ยังเป็นการต่อสู้ของกลุ่มคนดีกับกลุ่มคนไม่ดีที่กำลังมีบทบาทแสดงตัวตนอยู่ในสังคมการเมืองไทยอย่างเต็มที่ในขณะนี้ด้วย พรรคสัมมาธิปไตยและกองทัพธรรม ในฐานะของคนกลุ่มหนึ่งที่ยังเชื่อมั่นศรัทธาในความดีที่แท้จริง ความดีบริสุทธิ์ที่คงทนต่อการพิสูจน์ เป็นความดีของคนดีที่มีความสามารถในการพึ่งตนเองได้และมีน้ำใจช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นด้วย เรามีความมั่นใจว่าประเทศไทยในปัจจุบันยังมีคนดีและพลังความดีอยู่มากพอที่จะมาช่วยกัน “กอบกู้ศรัทธา” ของผู้คนในบ้านเมือง ที่มีต่อ “ความดีและคนดี” ให้กลับคืนมาเป็นหลักประกันในจิตวิญญาณของคนในชาติได้ว่า ประชาชนส่วนใหญ่จะอยู่เย็นเป็นสุขได้เพราะมีคนที่ดีแท้ดีจริงได้ปกครองบ้านเมืองเท่านั้น

จางคลาย
13 มีนาคม 2567

เรื่องที่เกี่ยวข้อง